วันพุธ, มีนาคม 19, 2551



Quiz 4 องค์ประกอบของระบบสารสนเทศทางการบริหารงานบุคคล องค์ประกอบของระบบสารสนเทศทางการบริหารงานบุคคล
1.ระบบงานวางแผนกำลังคน (Man Power Planning) แสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหของอัตรากำลัง, อัตราการเข้า -ออกของบุคลากร
2.ระบบงานทะเบียนประวัติ (Central Database) ช่วยในการเก็บข้อมูลด้านประวัติส่วนตัวของบุคลากร ประวัติการทำงาน ฯลฯ ซึ่งระบบอื่นๆ สามารถดึงข้อมูลไปใช้ร่วมกันได้
3.ระบบการตรวจสอบเวลา (Time Attendance) ระบบจะดึงเวลาจากเครื่องรูดบัตร มาเปรียบเทียบกับ ตารางเวลาทำงานปกติของพนักงาน แล้วรายงานความผิดพลาดที่กิดขึ้นออกมา เช่น การขาดงาน, การมาสาย, การ ลา, หรือการทำงานล่วงเวลา เป็นต้น
4.ระบบงานด้านการคำนวณเงินเดือน (Payroll) ช่วยในการบริหารเงินเดือน ค่าตอบแทน และภาษ ีโดยที่ระบบจะทำการคำนวณอัตโนมัติ
5. ระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน (Performance Evaluation) ช่วยในการกำหนดมาตรฐานในการ ประเมินผล ช่วยในการบันทึก คำนวณผลลัพธ์และสรุปการประเมินผลของบุคลากร ในเรื่องการขึ้นเงินเดือนและการ เลื่อนขึ้นนตำแหน่ง
6. ระบบงานพัฒนาและฝกอบรมบุคลากร (Training and Development) เป็นระบบที่ช่วยในการวาง แผนการพัฒนาบุคลากร
7. ระบบงานสวัสดิการต่างๆ (Welfare) ช่วยในการเก็บบันทึกและบริหารงานข้อมูล เกี่ยวกับการจัด สวัสดิการต่างๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล, เงินกู้, การเบิกวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น
8. ระบบการสรรหาบุคลากร (Recruitment) เป็นระบบที่บันทึกข้อมูลการสมัครงาน สามารถสร้าง แบบฟอร์มการทดสอบ, แบบฟอร์มสำหรับการสัมภาษณ์งานได้ และเมื่อพนักงานผ่านการคัดเลือกแล้ว ก็สามารถโอน ข้อมูลเข้าสู่ระบบรวมได้โดยอัตโนมัติ
จากองค์ประกอบของระบบสารสนเทศของการบริหารบุคคล ถ้าพูดถึงบุคคลแล้วหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบคือ HR เป็นหน่วยงานวางแผนกำลังคนแสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวของอัตรากำลัง อัตราการเข้า-ออกของบุคคลากร เพื่อที่จะนำมาบริหารให้เกิดประสิทธิ์ภาพขององค์กรขนาดใหญ่ ที่มี HR จำนวนมาก เช่น องค์กรที่พนักงานเกินกว่า 10000 คน การที่จะบริหารคนจำนวนมากนี้ จะต้องใช้บุคลากรที่ทำการควบคุมอย่างใกล้ชิด เป็นการใช้บุคลากรเกินความจำเป็น เสียค่าใช้จ่ายสูง แต่ถ้าองค์กรนำระบบ IT มาใช้จะทำให้เกิดความรวดเร็ว และลดบุคคลากรลงรวมถึงค่าใช้จ่าย เช่น การนำระบบ ERP มาใช้พัฒนา การอบรมบุคคลากร (Training and Development) โดยกำหนด Details โครงการว่าอบรมอะไร What ต้องการบุคคลที่มีคุณสมบัติอย่างไร Want เมื่อไหร่ When คือ วัน เวลา ที่ไหน เมื่อนำระบบ HRIS มาใช้ พนักงานสามารถเข้าไปดูในระบบHR ได้เพราะเป็นระบบภายใน Internal เฉพาะองค์กร ผู้ใช้สามารถ Interface กับ Central Database ข้อมูลพนักงานผ่าน HR ได้เฉพาะที่เป็นข้อมูลพื้นฐานเท่านั้นเพื่อเข้าไปในระบบ (Training and Development)เป็นระบบที่ช่วยวางแผนการพัฒนาบุคลากรด้านการอบรมและมีการประเมินผลโดยใช้ระบบ Performance Evaluation ช่วยในการกำหนดมาตรฐาน การประเมินผล ช่วยในการบันทึกคำนวณผลลัพธ์และสรุปการประเมินผลของบุคลากร ในเรื่องการขึ้นเงินเดือนและการ เลื่อนตำแหน่ง ระบบการประเมินผลการปฎิบัติงานนี้สามารถเป็นข้อมูลในการพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธ์ภาพได้เป็นอย่างดี

วันศุกร์, มีนาคม 07, 2551

ยางลบกับดินสอ

สมัยเด็กๆ ครูสอนศิลปะท่านหนึ่งสอนฉันเสมอว่า เวลาเราใช้ดินสอวาดภาพ เราห้ามใช้ยางลบ ตอนนั้น ฉันไม่เข้าใจจุดประสงค์ของครูสักเท่าไหร่ รู้เพียงแต่ว่าเวลาฉันวาดภาพแล้วเส้นมันบิดเบี้ยว ฉันก็อยากแก้ให้มันตรง สวย แต่ทุกครั้งที่ฉันหยิบยางลบขึ้นมาเพื่อจะลบภาพนั้น ครูของฉันก็จะเตือนถึงกติกานั้นเสมอ สุดท้ายฉันจึงเลือกใช้วิธีต่อเติมภาพๆ นั้นไปตามจินตนาการ เช่นถ้าฉันตั้งใจวาดรูปหน้าคน แต่ฉันเผลอวาดดวงตากลมโตเกินไป ฉันก็จะใช้วิธีเปลี่ยนตากลมๆ นั้นเป็นแว่นตาแทน แม้ตอนนั้นฉันจะไม่เข้าใจว่า ทำไมฉันจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ และแม้ฉันจะไม่เคยคิดวาดรูปหน้าคนใส่แว่นตามาก่อน แต่ฉันก็ได้รูปหน้าคนตามที่ต้องการ แถมยังภูมิใจว่า ฉันสามารถวาดภาพๆนั้นด้วยความมั่นใจ และไม่ต้องใช้ยางลบลบภาพเลยสักครั้งเวลาผ่านไป ฉันโตขึ้น ฉันเรียนรู้ว่า สิ่งที่ครูสอนวันนั้น แท้จริงแล้วมันปลูกฝังนิสัยหนึ่งให้กับฉัน นั่นคือ การเข้าใจธรรมชาติของความผิดพลาด ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนทุกคน และในชีวิตหนึ่งนี้ก็มีหลายครั้งที่ฉันได้พบมันโดยไม่ตั้งใจ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันยอมรับความผิดพลาดเหล่านั้น และรวบรวมสติเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ก็คือ การที่ฉันเข้าใจว่า ธรรมชาติของความผิดพลาด คือการที่มันเกิดขึ้นแล้ว จะคงอยู่อย่างถาวร ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ ลบความผิดพลาด แต่ฉันจำเป็นต้องใช้สมองต่อเติมแก้ไขภาพวาดของฉันให้สมบูรณ์ด้วยตัวเอง ดังนั้น ถ้าความผิดพลาดมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว การที่เราจะมานั่งร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนขอแหกกฎเพื่อใช้ยางลบกลับไปลบแก้ไขมันนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่จะทำได้ ก็คือ รู้จักพลิกแพลงแก้ไขสิ่งเหล่านั้นด้วยสติ และวาดภาพของตัวเองต่อไปด้วยความระแวดระวังมากขึ้น ทุกคนมีดินสอหนึ่งแท่งเพื่อจะวาดภาพชีวิตของเราให้สวยงาม แต่เราไม่มียางลบสักก้อนที่จะเอาไปลบสิ่งที่เราทำผิดพลาดมาแล้วได้ ดังนั้นเราต้องตั้งใจ และมีสติทุกครั้งที่ลากเส้น และถึงแม้ภาพที่เราวาดจะออกมาไม่เหมือนกับภาพที่เราฝันไว้สักเท่าไหร่ แต่มันก็มาจากมือของเรา เราควรจะภูมิใจกับมันได้เสมอ ไม่ต้องกลัวหรอก แม้จะรู้ดีว่าสักวันหนึ่ง เราอาจลากเส้นบิดเบี้ยวไปบ้าง เพราะถึงอย่างไร ฉันเชื่อว่า ถ้าสมองและหัวใจของเราทำงานอย่างเต็มที่ ภาพชีวิตของเราก็งดงามได้ โดยไม่ต้องใช้ยางลบ

วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 05, 2551

ชีวิตมีค่าต่อ

ชีวิตมนุษย์มีค่ามากน้อยอยู่ที่บุคคลผู้นั้นๆจะใช้ให้ได้คุณค่ามากที่สุด เพราะชีวิตทุกคนบนโลกนี้มีเวลาเท่ากันหมดไม่มีใครมีมากกว่ากัน เราตามเวลาอยู่เสมอ ไม่มีใครเคยแซงเวลาได้เลย มนุษย์เรามีชีวิตอยู่แค่ชั่วขณะหนึ่งยังไม่ได้เสี่ยววินาทีของจักรวาล ดังนั้น กาลเวลาของเราที่ผ่านไป เราไม่สามารถย้อนกลับไปใหม่ได้ และเราก็มีชีวิตอยู่ช่วงสั้นๆมีทั้งความดีและความทรงจำที่ขมขื่น โดยที่ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้ จากนั้นเราสิ้นไปหมดแล้วกาลเวลาของเราก็ไม่มีใครจำเราอีกเลย "ใช้ชีวิตให้คุมค่าที่สุดสมกับที่เกิดมาเป็นมนุษย์" แล้วเราก็หมดไปกับกาลเวลา

วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 04, 2551

สุขภาพ


คงไม่มีผู้หญิงคนไหนปรารถนาที่จะมีตีนกาอยู่บนใบหน้าเป็นแน่ แต่เพราะตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เรื่องของริ้วรอยเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้!!

อยากให้ริ้วรอยลดเลือนลงไป แถมมีกระดูกที่แข็งแรง และมีพลังมากกว่านี้บ้างมั้ยล่ะ ลองเติมสุดยอดอาหารเหล่านี้ลงในเมนูของคุณดูสิ...

สดใสดูอ่อนกว่าวัย Stay looking young เพียงแค่เลือกรับประทานอาหารที่ว่ามาทั้งหมดนี้ เพียงอย่างน้อย 1 อย่าง เป็นประจำทุกวัน ก็จะช่วยให้เส้นผมดำขลับ เงางาม ผิวพรรณผุดผ่องและดวงตาเป็นประกาย

1. บลูเบอร์รี่ : จากผลการวิจัยพบว่า แอนโทไซยานิน (anthocyanin) สารเม็ดสีในบลูเบอร์รี่ ช่วยในการมองเห็น ขอแนะนำให้คุณลอง ปั่นบลูเบอร์รี่รวมกับนมหรือโยเกิร์ตดู

2. พริกหยวก : ทั้งพริกแดง พริกเขียว และพริกเหลืองต่างมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย น้ำฉ่ำๆ จากพริกหยวกยังจะช่วยให้สุขภาพเล็บแข็งแรง ลองนำพริกไปทำซัลซ่า โดยผสมเข้ากับมะเขือเทศ กระเทียม พริกแดง แตงกว่า น้ำมันมะกอก และน้ำมะนาวดูสิ นอกจากจะได้ประโยชน์มหาศาลจากเหล่าสุดยอดอาหารแล้ว ยังได้อร่อยกับเมนูเด็ดจากฝีมือของคุณเองอีก

3. กะหล่ำปลี : เห็นเขียวๆ ม่วงๆ อย่างนี้รู้มั้ยว่ากะหล่ำปลีนั้นอุดมไปด้วยวิตามินเอ, ซีและเบตาแคโรทีนที่จะช่วยในเรื่องของผิวพรรณ เพียงหั่นกะหล่ำปลีบางๆ แล้วนำลงไปผัดกับขิงและกระเทียม เพียงเท่านี้ก็ได้อาหารมื้อค่ำสำหรับตัวคุณเองแล้ว

4. วอลนัท : ทองแดงในวอลนัทช่วยคงสภาพสีผมของคุณไม่ให้เปลี่ยนสีก่อนวัยอันควร ลองโรยวอลนัทลงบนสลัดหรือโยเกิร์ตก็ไม่เลวนะ

5. แอปริคอท : สารเบตาแคโรทีนในแอปริคอทช่วยชะลอการเสื่อมถอยของเลนส์ตา ช่วยในการมองเห็นได้ดี ใส่แอปริคอทลงไปในสตูว์ไก่ ผสมกับขิงและอบเชยให้ได้กลิ่นอายแบบโมร็อคโค

6. อะโวคาโด : การรับประทานอะโวคาโดช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน และปกป้องผิวจากอันตรายที่เกิดจากแสงแดด เนื่องจากอะโวคาโดอุดมไปด้วยวิตามินอี บดอะโวคาโดโรยหน้าโอ๊ตเค้กเป็นของทานเล่นดูก็ได้

7. สตรอเบอร์รี่ : วิตามินซีและ สารบางอย่างในสตรอเบอร์รี่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของผนังเส้นเลือดผลไม้สีแดงสดทรงเสน่ห์แบบนี้ เพียงแช่เย็นไว้จิ้มกินกับเกลือตอนนั่งดูทีวีก็เพลินดีไม่น้อย

8. เต้าหู้ : หยุดยั้งผิวที่ซีดและแห้งโดยการรับประทานอาหารอย่าง เต้าหู้ เพราะในเต้าหู้มีสารที่จะช่วยคืนสภาพผิวและป้องกันรอยเหี่ยวย่น ลองผัดรวมกับผักกรอบๆ หรือทำเป็นต้มจืดเอาไว้ทานเป็นมื้อเย็นนอกจากจะช่วยคืนสภาพผิวแล้ว ยังช่วยควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

9. ข้าวโอ๊ต : เต็มไปด้วยเส้นใยที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยลดอาการตึงเครียด จึงทำให้รอยเหี่ยวย่นน้อยลง เพียง โรยข้าวโอ๊ตลงบนมูสลี่ หรือนมอุ่นๆ ใส่น้ำตาลลงไปเล็กน้อยแค่นี้ก็ทานได้แล้ว กระชุ่มกระชวยเหมือนแรกสาว Stay feeling young


10. กระเทียม : สมุนไพรกลิ่นแรงอย่างกระเทียมมีคุณสมบัติป้องกันแบคทีเรีย ล้างพิษ และป้องกันไวรัสจากโรคภัยไข้เจ็บ ตั้งแต่ไข้หวัดไปจนถึงมะเร็ง อาหารไทยส่วนใหญ่มีกระเทียมเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว

11. แครนเบอร์รี่ : ผลไม้มหัศจรรย์ช่วยต้านการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ จากงานวิจัยล่าสุดพบว่ายังช่วยป้องกันโรคเหงือก และแผลในช่องท้องได้ชะงัดอีกด้วย อาจจะทำเป็นแยมไว้รับประทานกับขนมปังหรือทำเป็นซอสแครนเบอร์รี่ไว้ทาไก่หรือเนื้อย่างก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน

12. ลินสีด : ช่วยลดอาการเจ็บตามข้อต่อ เพราะอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่ร่างกายใช้ในการสร้างฮอร์โมนที่มีคุณสมบัติป้องกันอาการอักเสบ ลองเติมลงในน้ำปั่นหรือโรยหน้าสลัดดูก็ได้นะ

13. กีวี : วิตามินซีและสารอาหารบางอย่างในกีวีช่วยในการไหลเวียนของออกซิเจน ลดปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ เช่น โรคหืด หอบ หั่นกีวีเป็นลูกเต๋าเสียบไม้กับมะม่วงหรือกล้วย ทาด้วยน้ำผึ้ง แล้วนำไปย่าง อาจจะได้รสชาติแปลกใหม่ที่น่าลิ้มลอง

14. ลูกพลัม : อุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยป้องกันการถูกทำลายของไขมันซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในเซลล์สมอง นำลูกพลัมไปเคี่ยวกับน้ำส้ม และโรยลงไปบนมูสลี่ หรือจะกินเล่น เป็นขนมขบเคี้ยวก็ไม่มีใครว่า

15. กล้วย : เป็นแหล่งรวมของโพแทสเซียม นอกจากกล้วยจะช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหารแล้วยังช่วยลดอาการท้องผูก แค่ผสมเข้ากับนม น้ำผึ้ง และอัลมอนด์ ก็จะได้อาหารเช้าที่แสนอร่อย

16. ส้ม : การรับประทานส้มทั้งผลแทนการดื่มน้ำส้มจะช่วยให้ได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ มิหนำซ้ำวิตามินซีในส้มยังช่วยป้องกันและเยียวยาโรคหวัด นอกจากนี้กากของส้มยังช่วยในเรื่องของการขับถ่ายด้วย

17. ข้าวกล้อง : ฮอตฮิต อินเทรนด์กันอยู่พักใหญ่ เพราะอุดมไปด้วยแร่แมงกานีสที่จะช่วยให้พลังงานกับร่างกายโดยการให้โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต และยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย ใครที่ไม่ชอบสีจัดจ้านของข้าวกล้องก็สามารถหุงข้าวกล้องรวมกับข้าวสวยได้

18. มะเขือม่วง : เปลือกของมะเขือม่วงอุดมไปด้วยนาซูนิน (nasunin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยปกป้องสมองของคุณจากการถูกทำลาย เพื่อคงความฉลาดหลักแหลมของคุณไว้ ลองนำมะเขือม่วงไปทำแกง หรือรับประทานกับข้าวกล้องก็อร่อยไม่เบาแข็งแรงได้ใจ Stay healthy!จากการศึกษาพบว่า อะไรก็ตามที่คุณรับประทานเข้าไป มีโอกาสที่จะทำให้โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ดีขึ้นได้ เช่น โรคมะเร็ง หรือโรคหัวใจ เพื่อให้อัตราการเสี่ยงของคุณลดน้อยลง ลองอาหารพวกนี้ดูสิ

19. ลูกพรุน : โพแทสเซียมในลูกพรุนช่วยลดคอเรสเตอรอลในเลือดและลดระดับความดันเลือด ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคหัวใจ เสิร์ฟคู่กับโยเกิร์ตหรือกินเล่นเป็นของว่างก็ดี

20. คะน้า : ช่วยให้ตับของคุณผลิตเอ็นไซม์ในการต่อต้านมะเร็ง เมื่อคุณเคี้ยวคะน้า จากการวิจัยพบว่าสามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมได้ ฮืม...ม เลือกผัดคะน้าปลาเค็ม เป็นเมนูมื้อกลางวันดีกว่า (อ้อ อย่าลืมทุบกระเทียมลงไปด้วยนะ)

21. ผักโขม : คุณจะได้รับแคลเซียมจากผักโขม ในขณะเดียวกันก็มีแมกนีเซียมที่จะช่วยให้ร่างกายของคุณดูดซึมแคลเซียมได้ดี การรับประทานใบอ่อนของผักโขมในสลัด จะช่วยให้ป้องกันโรคกระดูกเปราะและหักง่ายเนื่องจากขาดแคลเซียม

22. ราสเบอร์รี่ : จากผลการวิจัยพบว่าสารแอนตี้ออกซิเดนท์ในราสเบอร์รี่สามารถยับยั้งการเกิดเนื้อร้ายได้ ลองนำราสเบอร์รี่ไปราดด้วยช็อกโกแลตเหลวแล้วไปแช่เย็นดูสิ

23. ถั่วงอก : สารประกอบ ที่พบในถั่วงอก สามารถช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด นอกจากนี้ถั่วงอก ยังประกอบด้วยสารอาหารในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยเรื่องโรคเล็กๆ น้อยๆ ของสตรีในวัยหมดประจำเดือนถั่วงอกผัดกับเต้าหู้ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยไม่เบา

24. บล็อคโคลี่ : การรับประทานบล็อคโคลี่เป็นประจำ จะช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจได้ถึง20% และยังมีวิตามินซีที่ช่วยป้องกันการปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ และโรคไขข้ออักเสบได้ด้วย ลวกใส่ในสลัด หรือผัดกับกุ้งสดก็ไม่เลว

25. บีทรูท : เนื้อของบีทรูทอุดมไปด้วยเบต้าไซยานิน ซึ่งเป็นสารต่อต้านมะเร็ง รับประทานโดยการนำไปตุ๋นหรือย่าง

26. องุ่นแดง : จะช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดเลือดจับตัวเป็นก้อน และดักจับไขมันในเลือดที่จะเป็นอันตรายต่อเส้นเลือดแดงของคุณ ใส่องุ่นแดงลงในสลัดหรือดื่มไวน์แดงสักแก้วระหว่างมื้อค่ำ

27. ปลาที่มีไขมัน : แซลมอน หรือเนื้อปลาชนิดอื่นๆ ที่มีไขมันปนอยู่บ้างนั้น สามารถช่วยปกป้องคุณจากโรคภัยไข้เจ็บมากมาย อีกทั้งโปรตีนในเนื้อปลายังช่วยในเรื่องของสมอง ว่ากันว่าให้เด็กๆ กินปลาแล้วจะฉลาด ปลานึ่ง ปลาย่างราดซอสอร่อยๆ ล้วนเป็นทางเลือกที่ดี

28. มะเขือเทศ : สารไลโคพีนี (lycopene) ในมะเขือเทศจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ที่สำคัญช่วยให้ผิวสวยอย่าบอกใครเลยเชียวล่ะเลือกเอาเลยว่าคุณอยากจะใส่มะเขือเทศลงในอาหารอะไรบ้าง

29. หัวหอม : หัวหอมที่มีกลิ่นไม่หอมเหมือนชื่อนี้จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยในการรักษาและป้องกันโรคเบาหวาน ซอยเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ ใส่ในไข่เจียว หรือซอยใส่อาหารประเภทยำช่วยเพิ่มรสชาติได้ดีทีเดียว

8 นาที กับโยคะบนที่นอน

การ ออกกำลังกาย นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแล้ว ยังทำให้เรามี สุขภาพ ดีอีกด้วย วันนี้เรามี เทคนิค วิธีการ ออกกำลังกาย เพื่อ สุขภาพ 8 นาที กับ โยคะ บนที่นอน มาฝากเพื่อนๆ กันด้วย
ปกติแล้วการออกกำลังกายก่อนนอนจะทำให้ร่างกายตื่นตัวและนอนไม่หลับ แต่ Exercise Issue ฉบับนี้ ขอประเดิมการกลับมาอีกครั้ง ด้วยโยคะ 5 ท่า เพื่อการนอนหลับสนิทแสนสบาย ทำง่ายในเวลาเพียง 8 นาที ที่สำคัญคือทำบนเตียงนอนก็ได้ ทำเสร็จก็หลับปุ๋ยไปได้เลยค่ะ


นาทีที่ 1-2 ด้วยการนอนยกขาขึ้นตั้งฉากกับพื้น ขยับตัวให้ขาและสะโพกแนบชิดกับผนัง หงายฝ่ามือขึ้น อยู่ในท่านี้จนรู้สึกว่าขาและแผ่นหลังเริ่มตึง
นาทีที่ 3 ด้วยการนั่งขัดสมาธิบนที่นอน วางมือขวาไว้บนหัวเข่าซ้าย หันหน้าและบิดลำตัวไปพร้อมๆ กับวาดมือซ้ายไปท้าวไว้ด้านหลังสะโพก แขนเหยียดตรง ทอดสายตามองข้ามหัวไหล่ หายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก ทำสลับอีกข้าง
นาทีที่ 4 - 5 เริ่มต้นจากท่าศพ คือ นอนหงาย กางขาออกช่วงห่างประมาณความกว้างของไหล่ กางแขนออกจากลำตัวเล็กน้อย หงายฝ่ามือขึ้น ปล่อยตัวตามสบาย จากนั้นงอเข่าเข้ามาเล็กน้อยจนฝ่าเท้าประกบกันได้ หากรู้สึกเมื่อยขาให้นำหมอนมารองใต้เข่าทั้งสองข้าง นาทีที่ 6 - 7 นั่งบนฝ่าเท้า ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ ค่อยๆ โน้มตัวลงจนหน้าผากจรดที่นอน ให้หน้าอกชิดกับหัวเข่ามากที่สุด แขนทั้งสองเหยียดตรง หายใจเข้าและออกช้าๆ
นาทีที่ 8นอนหงาย ปลายเท้าชิด งอเข่าทั้งสองข้างขึ้นให้ปลายเท้าไขว้เข้าหากัน เอามือกอดเข่าดึงให้เข้ามาชิดหน้าอกมากที่สุด พยายามเกร็งตัวขึ้น แล้วโยกตัวไปมาเพื่อนวดกระดูกสันหลัง ทำต่อเนื่องจนครบนาที จากนั้นนอนลงแล้วค่อยๆ กางแขนขาออกอยู่ในท่าศพ ผ่อนลมหายใจจนกระทั่งหลับไป
โยคะ 8 นาทีนี้ นอกจากจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายแล้ว การหายใจเข้าและออกเป็นจังหวะช้าๆ ยังช่วยขจัดความคิดฟุ้งซ่านและปรับสภาพจิตใจให้เกิดสมดุล คุณจึงนอนหลับสนิทได้ทั้งตลอดคืนค่ะ

วันพุธ, มกราคม 30, 2551

ชีวิตมีค่า

"กาลเวลาไม่เคยย้อนกลับเหลือไว้แต่ความทรงจำชั่วขณะหนึ่งก็หมดไปกับกาลเวลา"